ยาห้ารากสกัด ยาในตำราแพทย์แผนไทย

(ไม่ได้รับออเดอร์ผ่านเว็บไซต์)
ยาห้ารากสกัดชนิดเม็ด 60 เม็ด เม็ดละ 600 มก.  ทะเบียนยา G 308/53
ราคากระปุกละ 145 บาท  

"ยาห้าราก" หรือ "เบญจโลกวิเชียร " (หมอยาโบราณเรียกว่า เพชรสว่าง หรือ แก้วห้าดวง)  ยาในตำราแพทย์แผนไทย  กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้อยู่ในยาบัญชีหลักแห่งชาติ เป็นยาดีมากๆ อีกขนานที่คนไทยควรรู้จัก    

 "ยาห้าราก" หรือ "เบญจโลกวิเชียร " (หมอยาโบราณเรียกว่า เพชรสว่าง หรือ แก้วห้าดวง)  ยาในตำราแพทย์

แก้ไข้หวัดน้อย-ใหญ่  แก้ไข้หวัด2009  แก้ไข้หวัดติดเชื้อต่างๆ  ภูมิแพ้อากาศ  แก้ไข้ขึ้นผื่นตุ่มต่างๆ  แก้ไข้พิษ(ไข้

ที่ทำให้มือเท้าเย็น แต่ตัวร้อน   ตาแดง  ปวดศรีษะ มีผื่นขึ้น)  แก้ไข้มาลาเรีย  ไข้กาฬ  แก้หัด  อีสุกอีใส   ลมพิษ 

กระทุ้งพิษไข้ต่างๆ  ไม่ให้ไข้หลบ  ใช้ขับพิษภายในออกภายนอกร่างกาย  ฆ่าเชื้อไวรัส  ถอนพิษไข้  นอกจากนี้ยัง

ใช้ทารักษาตุ่มคันต่างๆ ได้อีก  โดยการนำผงยาผสมกับเหล้าโรงหรือเหล้าขาวทาทิ้งไว้สักครู่ตุ่มคันเหล่านั้นจะหาย

บางรายอาจใช้เวลาอยู่บ้างขึ้นอยู่แต่ละบุคคล   ปัจจุบันนำมาใช้ในผู้ป่วยอาการโควิดได้ดีอีกด้วย 

**ปลอดภัย **ไม่เป็นพิษต่อตับ** 

ยาห้ารากแบบสกัดรับประทานน้อยเม็ดแต่ได้คุณค่าของสมุนไพรสูงกว่าแบบบดผง 4 เท่า

วิธีใช้ : ผู้ใหญ่ครั้งละ 2 เม็ด  เด็กครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้งก่อนอาหาร  เช้า-เที่ยง-เย็น หรือตามที่

ระบุบนฉลากหรือดุลพินิจของแพทย์แผนไทย 

ข้อควรระวัง ! ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก เนื่องจากอาจบดบังอาการของไข้

ไข้หวัดติดเชื้อเป็นอย่างไร?   เป็นการติดเชื้อของจมูก และคอ เกิดจากเชื้อไวรัส  เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูกและคอจะ
ทำให้เยื่อจมูกบวมและแดง   มีการหลั่งของเมือกออกมาแม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์แต่เป็นโรคที่ทำให้
ผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด  เนื่องจากความทรมานและรำคาญ  มีอาการจาม น้ำมูกไหล  อ่อนเพลีย   ปวดศรีษะ
บางรายมีอาการปวดหู  บางรายเยื่อหุ้มตาอักเสบ  เจ็บคอมีน้ำมูกไหลนานถึงสองสัปดาห์     ในเด็กอาจรุนแรงและ
มักมีการแพร่ไปเป็นหลอดลมอักเสบและปอดบวม 
 

"การแพทย์แผนตะวันออกไม่ว่าจะเป็นตำราอายุรเวทของอินเดีย การแพทย์แผนจีน และการแพทย์แผนไทยมีหลักการคล้ายกันคือเมื่อร่างกายเกิดความผิดปกติก็จะต้องหาวิธีรักษาโดยปรับเข้าสู่สมดุลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ     ขณะที่การแพทย์ตะวันตกรักษาทางร่างกายเพียงด้านเดียวจึงทำให้การรักษาไม่ได้ผลในบางครั้ง" รศ.ดร.สุรพจน์ กล่าว   .......  

และอธิบายต่อว่า  จุดเด่นของการรักษาด้วยตำรับยาสมุนไพรคือเชื้อไม่ดื้อยา ไม่มีผลข้างเคียงเพราะในยาสมุนไพรมีหลายสูตรโครงสร้างของโมเลกุลมากมายหลายร้อยโมเลกุล     ทำให้โอกาสที่เชื้อจะดื้อยาเป็นไปได้ยากและในแต่ละตำรับจะมีตัวยาหักฤทธิ์   ตัวยาหลัก  และตัวยารองผสานเข้าด้วยกันจึงไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงเมื่อนำไปใช้  ขณะที่ยาแผนปัจจุบันอาจมีผลข้างเคียงในการรักษาและเชื้อมีโอกาสดื้อยาได้ง่าย  เพราะมีสูตรโครงสร้างเดียวทำให้เชื้อปรับตัวและดื้อยา"

"ตำรับยาสมุนไพรเป็นภูมิปัญญาไทยที่ใช้กันมาแต่โบราณจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าใช้รักษาโรคได้ผลและไม่เป็นอันตราย  ซึ่งวันนี้อาจเป็นการแพทย์ทางเลือก แต่ต่อไปอาจเป็นทางหลักของคนไทย "